Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

เรื่องต้องรู้ของผู้ปกครอง ที่คุณครูอนุบาลอยากบอก

Posted By Plook TCAS | 22 ส.ค. 66
2,680 Views

  Favorite

         เมื่อลูกตัวน้อยถึงเวลาที่ต้องออกจากบ้านไปใช้ชีวิตในช่วงกลางวันในโรงเรียนอนุบาล พ่อแม่หลายคนคิดว่า นั่นคือจุดพักหน้าที่ของตน แล้วส่งต่อให้ครูรับหน้าที่ดูแลไป แต่ความจริงแล้ว ความเป็นพ่อแม่แทบไม่มีเวลาพักเลยจริง ๆ เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบการดูแลลูกต่างออกไป โดยเฉพาะบทบาทใหม่ที่ต้องทำงานเป็น...“ผู้ช่วยครู”  ดังนั้นเรามาดูกันว่า เหล่าครูอนุบาลอยากฝากบอกอะไรกับคุณพ่อคุณแม่กันบ้าง

 

“การสื่อสารกับคุณครูสำคัญมาก ช่วยให้ข้อมูลและสื่อสารร่วมกับครูด้วยนะคะ”

         สิ่งสำคัญที่คุณครูและผู้ปกครองควรสื่อสารกันคือ เวลาที่เด็กไม่ได้อยู่กับฝ่ายใด อีกฝ่ายควรให้ข้อมูลที่ควรรู้กับอีกฝ่ายเสมอ เช่น ผู้ปกครองควรสื่อสารถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในขณะที่เด็กไม่ได้อยู่ในโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์สำคัญ หรือปัญหาของเด็ก ๆ เพื่อที่ครูจะสามารถเข้าใจและรับมือกับความรู้สึกและสิ่งที่น้อง ๆ แสดงออก เพราะฉะนั้นการมาส่งลูกที่โรงเรียน จึงไม่ควรเป็นแค่การจูงมือลูกแล้วพามาปล่อยไว้ที่โรงเรียน แต่ควรให้ความสำคัญกับการอัปเดตเรื่องราวให้คุณครูรับรู้ร่วมกันด้วย

 

“โรงเรียนไม่ได้ออกแบบมา เพื่อเด็กคนใดคนเหนี่ง”

         หลายครั้งที่กฎเกณฑ์ ข้อระเบียบ หรือวิธีปฏิบัติที่วางไว้ให้เด็ก ๆ ปฏิบัติตามอาจจะไม่ถูกใจคุณพ่อคุณแม่ แต่หากเราตัดสินใจให้ลูกเข้าไปอยู่ในโรงเรียนที่เราเลือกแล้ว เราต้องยอมรับและปฏิบัติตาม เพราะเราไม่สามารถให้ทุกอย่างเป็นไปตามใจที่เราต้องการได้ทั้งหมด ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจส่งลูกไปเรียนโรงเรียนไหน คุณพ่อคุณแม่ควรศึกษากฎระเบียบและหลักสูตรให้ดีก่อน เพราะช่วงวัยเริ่มต้นการศึกษาช่วงนี้ การตัดสินใจทั้งหมดเป็นของคุณพ่อคุณแม่

 

“อยากให้ช่วยฝึกวินัย และสอนการควบคุมตัวเองให้ลูกน้อยจากที่บ้าน”  

         หลายครอบครัวอาจคิดว่า การส่งลูกเข้าเรียนโรงเรียนอนุบาลคือการฝึกวินัย ฝึกการดูแลตัวเองเบื้องต้น และฝึกการควบคุมตัวเอง แต่ความจริงแล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญมากที่ควรเริ่มต้นตั้งแต่ที่บ้าน และไม่ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณครูเพียงฝ่ายเดียว เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กเกิดความสับสนว่าสิ่งใดคือสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งที่ควรทำ เพราะถ้ากลับบ้าน เด็กทำอีกอย่าง พอกลับมาโรงเรียน ให้ทำอีกอย่าง ด้วยวัยของเด็กน้อยที่กำลังเรียนรู้ อาจจะเกิดคำถาม ที่ไม่สามารถสื่อสารคำถามออกมาได้ แต่คงเก็บความสับสนเอาไว้ แล้วแสดงออกในบางอย่างที่ทำให้ผู้ปกครองและคุณครูต้องมาตามแก้ไขทีหลัง

 

“อย่าลืมจัดเวลา พาลูกไปเรียนรู้นอกโรงเรียนด้วยนะคะ”

         โรงเรียนไม่ใช่สถานที่ผูกขาดการเรียนรู้แต่เพียงที่เดียว เพราะในโรงเรียนอาจจะเป็นที่ที่ให้ความรู้ก็จริง แต่ก็ไม่สามารถให้ได้ในทุกมิติรอบด้านสำหรับเด็กน้อย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่พ่อแม่ ผู้ปกครองควรพาน้อง ๆ ไปเรียน ไปเจอ ไปเล่น ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ สวนสัตว์ หรือธรรมชาติ เพื่อให้เขาได้สัมผัสของจริงที่ไม่มีในโรงเรียน

 

“ใช้ช่วงเวลาสอนการบ้าน เป็นการพูดคุย แบ่งปัน และรับฟังความคิดเห็น”

         เมื่อลูก ๆ เริ่มถึงวัยที่โรงเรียนเห็นว่าเหมาะสม ที่จะได้รับแบบฝึกหัดให้กลับไปทำที่บ้าน ซึ่งนั่นหมายถึงการฝึกฝนและต่อยอดที่ได้เรียนรู้จากโรงเรียน รวมถึงเป็นการฝึกความรับผิดชอบให้แก่เด็ก ๆ นั่นเอง ซึ่งพ่อแม่ ผู้ปกครองสามารถมีส่วนรวมในการสอน พูดคุย เพื่อให้น้อง ๆ ได้ทบทวนและได้เรียนรู้ในอีกหนึ่งมุมมองจากครอบครัว และให้ลูกน้อยรู้สึกถึงการเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันที่มีในครอบครัว

 

“เวลาโรงเรียนมีกิจกรรม อยากให้เห็นความสำคัญและมีส่วนร่วม”

         ในทุก ๆ โรงเรียนจะมีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย เพื่อให้เด็กได้ร่วมสนุกและกระตุ้นการเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมประจำสัปดาห์ กิจกรรมประจำปี หรือกิจกรรมตามวันสำคัญต่าง ๆ ซึ่งการที่ครอบครัวให้ความร่วมมือกับทุกกิจกรรมนั้น เท่ากับการให้ความสำคัญของเจ้าตัวเล็กนั่นล่ะค่ะ การที่เรายอมเสียเวลาดูเรื่องชุด เรื่องของที่ทางโรงเรียนให้เตรียมไป จะทำให้เด็ก ๆ รู้สึกตื่นตัวและสนุกกับกิจกรรมเหล่านั้น และที่สำคัญรู้สึกว่าคุณพ่อคุณแม่ให้ความสำคัญและให้ความสนใจในตัวของเขา

 

“ให้ช่วงเวลาของทีวี และเกมต่าง ๆ เป็นช่วงเวลาของการ Play & Learn”

         ความสนุกยังคงเป็นสิ่งแรก ๆ ที่เด็กอยากใช้เวลาทั้งหมดไป กิจกรรมที่สร้างความสนุกนั้น คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครองควรจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ ความสนุกแบบที่มีประโยชน์และสร้างสรรค์ กับ ความสนุกเพื่อความบันเทิง ซึ่งจริง ๆ แล้วทั้ง 2 แบบล้วนมีประโยชน์ต่อเด็กเล็กด้วยกันทั้งคู่ เพียงแต่ต้องแบ่งสัดส่วนให้เหมาะสม เช่น การใช้เวลากับหน้าจอ เช่น ดูมือถือ ดูทีวี หรือเล่นวิดีโอเกม ควรจะจัดเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม และไม่ใช่ทั้งหมดของเวลาส่วนใหญ่ เช่น อาจจะให้หรือเป็นข้อตกลงเมื่อทำในสิ่งที่ได้รับมอบหมายเสร็จ และควรบอกมีระยะเวลาที่เด็กได้รับอย่างชัดเจน

 

“ไม่ว่าจะมีครูกี่คน แต่อย่าลืมว่า พ่อแม่ยังคงเป็นครูของลูกตลอดไป”

         ถึงแม่ว่าโรงเรียนคือสถานที่การเรียนรู้ที่สำคัญของเด็ก และครูคือผู้ที่ให้ความรู้ตามมาตรฐาน แต่สิ่งที่ลืมไม่ได้เลยคือ เรายังคงเป็นครูของลูกเสมอ ไม่ว่าลูกจะอยู่ในช่วงอายุเท่าไรก็ตาม โดยเฉพาะในช่วงแรกของการเรียนรู้ การเรียนจากโรงเรียนอาจเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการพัฒนารอยหยักน้อย ๆ ในสมองของเด็ก ๆ แต่การทบทวน การสอนซ้ำ การเสริมในเรื่องต่าง ๆ จากคนรอบตัวที่บ้าน คือจุดสำคัญในการต่อยอดการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเด็ก ๆ ทุกคน

 

NEve

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plook TCAS
  • 29 Followers
  • Follow